วันจันทร์ที่ 13 สิงหาคม พ.ศ. 2555
วันศุกร์ที่ 10 สิงหาคม พ.ศ. 2555
คุณสมบัติ และ ลักษณะของผ้า และ ชนิดของผ้า
คุณสมบัติและลักษณะของผ้า
เนื้อผ้าสำหรับตัดเสื้อโปโลและเสื้อยืด ที่นิยมใช้ มี 3 ชนิด คือ
1. Cotton 100%(ผ้าฝ้าย)
เป็นเส้นใยธรรมชาติ 100% ผลิตจากฝ้ายสวมใส่สบายอากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดีเยี่ยมเนื้อผ้าจะมีลักษณะ
ด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย เมื่อซักบ่อยๆ ก็จะย้วย
ข้อดี
ความยืดหยุ่น สูงมาก สวยงามสวมใส่สบาย
เนื้อนุ่ม ไม่ร้อน ผ้านุ่มเนียนสวย
ซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี สามารถซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม
ข้อเสีย
ผ้าจะหดตัว เมื่อผ่านการซักครั้งแรก
เมื่อซักบ่อยๆจะย้วย และหด ยืด ไม่อยู่ทรง ยับง่าย ดูแลรักษาลำบาก สีซีดเก่าเร็ว
มีราคาสูงกว่าผ้าชนิดอื่น ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพผ้าและร้านขาย
ส่วนใหญ่ จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ในที่กลางแจ้งและโดนแดดบ่อยๆ เพราะผ้าจะระบายอากาศได้ดี ไม่ค่อยอมเหงื่อ หรือต้องการความหรูหราใส่สบายแต่ราคาอาจจะสูงซักนิดนึง
ประเภทเส้นใยของ Cotton สามารถแบ่งตามลักษณะ ได้ดังนี้
1.1 Cotton OE เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด ลักษณะของผ้าจะมีความกระด้างมากว่าผ้า Cotton Semi และ ผ้า Cotton Comb
1.2 Cotton Semi เป็นผ้า Cotton เกรดปานกลาง ผ้าจะมีความเนียน ณ ระดับหนึ่ง ไม่กระด้าง ราคาไม่สูง และคุณภาพค่อนข้างใช้ได้
1.3 Cotton Comb เป็นผ้า Cotton เกรดดีที่สุด ลักษณะของผ้าจะมีความเนียนและเงามาก และราคาจะสูงกว่าผ้า Cotton ชนิดอื่นๆ
เส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า Cotton มีดังนี้
Cotton No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ผ้าที่ทอได้จึงหนาพอสมควร
Cotton No.32 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็ก ผ้าที่ทอได้จะเนียนและบาง Cotton No.40 เส้นด้ายมีขนาดเล็กที่สุด ผ้าที่ทอจึงเนียนมาก และบางมาก จึงต้องทอเป็นเส้นคู่ และราคาจะค่อนข้างสูง
2. CVC
ผ้าชนิดนี้มีส่วนผสมเหมือนเนื้อผ้า TC เพียงแค่มีส่วนของ Cotton เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ข้อดี คือ สวยงาม สวมใส่สบาย ไม่ร้อน ซับเหงื่อ ระบายอากาศได้ดี และอยู่ตัวกว่า Cotton 100%
ข้อเสีย คือ จะคล้ายผ้า Cotton เพียงแค่จะหดย้วยน้อยกว่าเท่านั้น และราคาก็สูงกว่า TC
เป็นผ้าที่ไม่ค่อยนิยมใช้งานกันมากนักในตลาดทั่วไป
3. TC (Cotton ผสม Polyester) Cotton65%+Poly35%
เป็นเส้นใยผสมระหว่าง Cotton และ Polyester ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู (ทอแบบ juti รูจะเป็นรูปรังผึ้ง) เนื่องจากผ้าประเภท TC และ TK มีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้าชนิดนี้จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยในการระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่ เนื้อผ้า TC จะมีลักษณะมัน (น้อยกว่า TK)ราคาของผ้าขึ้นอยู่กับสีที่เลือก
ข้อดี
สวมใส่สบาย ระบายอากาศดีพอใช้
การดูดซับน้ำดีพอใช้ ดูแลรักษาง่าย
อายุการใช้งานใกล้เคียงกับเนื้อผ้า Cotton 100% และใช้งานได้นานกว่าเนื้อผ้า TK
ไม่หดย้วย หรือเสียทรงเมื่อมีการซัก หรือ แช่น้ำ หลังจากการใช้งาน
ราคาย่อมเยา
ข้อเสีย
ผ้ามีการย้วยบ้างเมื่อผ่านการซัก
เนื้อผ้าจะไม่เนียนสวยเท่า Cotton
ราคาขึ้นอยู่กับสีผ้า
เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่ายแม้ทำงานอยู่ในห้องแอร์ เพราะระบายอากาศได้ดีพอสมควรและข้อดีที่โดดเด่นกว่า
Cotton 100% คือ อยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย (ส่วน Cotton จะคุม % ความหดและย้วยลำบาก)
นิยมทำเป็นเสื้อฟอร์มพนักงาน เพราะราคาปานกลาง ระยะเวลาการใช้งานเหมาะสม
เส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า TC มีดังนี้
TC No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ TC No.34 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็กมาก ใช้ทอผ้าจูติ จึงต้องทอเป็นเส้นคู่
4. TK (Polyester หรือใยสังเคราะห์)
เป็นเส้นใยสังเคราะห์ผลิตจาก Polyester ผ้าใยสังเคราะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า TK เนื้อผ้าจะมีลักษณะมันมากกว่า TC คุณสมบัติทั่วๆไป คือ ผ้าจะไม่ค่อยยับ อยู่ทรง ไม่ย้วย สีไม่ตก แต่ข้อเสียก็คือเสื้อที่ทำจากผ้า TK ใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากระบายอากาศไม่ดีผ้า TK จึงนิยมทอ ให้มีลักษณะเป็นรูเช่นกัน ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามท้องตลาด
ข้อดี
ราคาที่ถูกกว่าเนื้อผ้าอื่นๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณ
ผ้าทนทาน อยู่ตัว ไม่หดไม่ย้วย หรือเสียทรงเมื่อมีการซัก หรือแช่น้ำหลังจากการใช้งาน
หาซื้อง่ายตามท้องตลาด
ข้อเสีย
ผ้าจะเป็นเม็ดเมื่อผ่านการซัก
เนื้อผ้ากระด้าง ระบายอากาศไม่ดี
ไม่ดูดซับน้ำ ซับเหงื่อ เวลาใส่ในที่อากาศร้อน
เหมาะที่จะใช้ในห้องแอร์ ไม่ค่อยโดนแดด
****ข้อแนะนำการซักและการดูแลรักษาเสื้อยืดให้อยู่กับเรานานๆ
1. ให้แยกซักระหว่างผ้าขาวกับผ้าสี แนะนำให้ซักมือจะดีกว่า
2. ผงซักฟอกให้เลือกที่ไม่รุนแรง และ ถนอมใยผ้าครับ
3. ไม่ควรตากโดยใช้ไม้แขวนเสื้อ ให้กลับด้านแล้วพาดเสื้อกับที่ราวตากผ้า
4. เมื่อเสื้อแห้งถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ไม้แขวนเสื้อนะครับ ควรผับเก็บจะดีที่สุดครับ
เส้นด้ายที่นิยมนำมาทอผ้า TK มีดังนี้
TK No.17 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
TK No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็กกว่า TK No.17 ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
ลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า
ก่อนที่เราจะแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก กับ ลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า เราขออธิบายถึงวิธีการได้มาของผ้า กันก่อนว่ามีขบวนการอย่างไร และต้องใช้วัตถุดิบใดบ้าง เพื่อนำมาใช้ในการผลิตผ้า ดังนี้
จากรูปจะเห็นได้ว่า ผ้า ผลิตมาจากเส้นด้าย เส้นด้ายผลิตมาจากเส้นใย ดังนั้นลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า จะขึ้นอยู่กับลักษณะและคุณสมบัติ ของเส้นใย และเส้นด้าย
โดยทั่วไป เส้นใย ที่นิยมนำมาผลิตเส้นด้าย คือฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์ โดยจะมีทั้งฝ้าย 100% เส้นใยสังเคราะห์ 100% หรือนำฝ้ายและเส้นใยสังเคราะห์มาผสมกันในอัตราส่วนต่างๆ กัน ซึ่งจะทำให้ลักษณะและคุณสมบัติของเส้นด้ายแตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อลักษณะและคุณสมบัติของผ้าด้วย
ลักษณะและคุณสมบัติของผ้าดังกล่าวเป็น เพียง ลักษณะโดยทั่วไปเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติของเส้นใยที่นำมาผลิตด้าย และผ้านั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมาย เช่น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยสั้น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยยาว หรือถ้าวิเคราะห์ตามคุณสมบัติของเส้นใยที่มีผลต่อคุณสมบัติของผ้า เราอาจจะต้องพิจารณา สมบัติความเป็นมัมวาว การทิ้งตัวของผ้า เนื้อผ้า คุณสมบัติต่อผิวสัมผัส การทนต่อแรงเสียดสี ความทนต่อแรงดึง การดูดซับน้ำ เป็นต้น
จากปัจจัยที่หลากหลายดังกล่าว ส่งผลต่อต้นทุนในส่วนของราคาผ้าที่จะนำมาใช้ผลิตเสื้อ ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อเสื้อจากผู้ผลิตรายหนึ่งรายใด เราควรที่จะพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้ เปรียบเทียบกับราคาของเสื้อ รวมถึงบริการที่จะได้รับจากผู้ผลิตเสื้อก่อนเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุดใน งบประมาณอันจำกัดของเรา
นอกจากการแบ่งประเภทของผ้าตามส่วนผสมของเส้นด้ายแล้ว เรายังสามารถแบ่งตามลายทอผ้า ได้ดังนี้
1. แบบเนื้อเรียบ ลักษณะการทอ จะละเอียดแน่น นิยมทำเป็นเสื้อคอกลม เช่น Jersey
2. แบบเนื้อลาครอส(Lacoste) หรือจูติ(Juti)
- ลาครอส (Lacoste) ลักษณะการทอเป็นรู รูปข้าวหลามตัดเล็กๆ
- จูติ (Juti) ลักษณะการทอเป็น รูปรังผึ้ง
3. แบบทอสองชั้น ลักษณะทางกายภาพ ด้านนอกจะทอแบบ Jersey ด้านในทอแบบลาครอส หรือจูติ ทำให้มีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ดี เช่น Dri tech
ชนิดของผ้าต่างๆ
ผ้าฝ้าย (cotton)
เป็นใยเซลลูโลสได้จากดอกของฝ้าย ผ้าที่ผลิตจากฝ้ายพันธุ์ดีเส้นใยยาว ผิวของผ้าจะเรียบเนียน และทนทาน คุณภาพของผ้าฝ้ายขึ้นอยู่กับพันธุ์ ความยาวและความเรียบของเส้นใย ใยฝ้ายเองไม่ใคร่แข็งแรงนัก แต่เมื่อนำมาทอเป็นผ้า จะได้ผ้าที่แข็งแรง ยิ่งทอเนื้อหนา-แน่นจะยิ่งแข็งแรง ทนทาน ดูดความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับทำผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้ายเนื้อบางถึงเนื้อหนาปานกลาง ใช้เป็นชุดสวมในฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย คุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
- ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก แต่ปัจจุบันมีการตกแต่ง (Finish) ทำให้ผ้าไม่ใคร่ยับและรีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
- ซักได้ด้วยผงซักฟอก ซักรีดได้ที่อุณหภูมิสูง
- แมลงไม่กินแต่จะขึ้นรา
ผ้าฝ้ายผสมกับผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/C หรือ TC
เป็น ผ้าที่มีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ และนำเนื้อฝ้ายเข้ามาผสมรวมด้วย คุณสมบัติก็จะอยู่กลางระหว่างผ้า cotton และผ้า TK ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู เนื่องจากผ้าประเภท TK และ TC มีสมบัติในการระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้า จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่เนื้อผ้า จะมีลักษณะความมัน (น้อยกว่า TK) ผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/K หรือ TK เป็นผ้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นใยสังเคราะห์ เนื้อผ้าจะมีลักษณะมัน คุณสมบัติ ทั่วๆไป คือ ผ้า TK จะไม่ค่อยยับ อยู่ทรง ไม่ย้วย สีไม่ตก แต่ข้อเสียก็คือเสื้อที่ทำจากผ้า TK ใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากระบายอากาศไม่ดีผ้า TK จึงนิยมทอ ให้มีลักษณะเป็นรูเช่นกัน ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามท้องตลาด
ผ้าโพลิเอสเตอร์ (Polyester)
เส้น ใยยาวมีลักษณะนุ่ม เงามัน เส้นใยสั้นมีลักษณะคล้ายฝ้าย และขนสัตว์ จึงเป็นเส้นใยที่ใช้เลียนแบบ และผสมกับเส้นใยอื่นได้ดี ใช้มากในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดูดความชื้นได้น้อย น้ำหนักเบา ไม่ใคร่ยับ รีดจับจีบถาวรได้ มักผลิตเป็นผ้าประเภท Wash and Wear คือ รีดเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องรีด ปัญหาที่พบคือ ถ้าผลิตจากใยสั้นใช้ไปแล้วจะเป็นขุย เมื่อเผาจะละลายเป็นยางสีดำ ถ้าเผาจนสิ้นสุดเถ้าบางส่วนจะกรอบ
ผ้าขนสัตว์ (wool)
ผลิต จากขนสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ แพะ อูฐ และกระต่าย แต่ที่ผลิตมากที่สุดได้แก่ขนแกะ ขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นเพราะไม่นำความร้อน ดูดความชื้นได้ดีจึงสามารถถ่ายเทความชื้นจากร่างกาย หรือบรรยากาศทำให้ไม่เหนะหนะเวลาสวมใส่ เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก (Progressive Shrinkage) จึงไม่แนะนำให้ซักรีดเอง ควรส่งร้านที่มีความชำนาญในการซักรีดผ้าขนสัตว์ เว้นเสียจากจะมีป้ายที่ติดมากับเสื้อบอกไว้ว่า ซักรีดได้ (Washable) ผ้าขนสัตว์บางชนิดจะตกแต่งกันหด (Shrinkage Control) และป้องกันไม่ให้เชื่อมติดกันเมื่อซักรีด วิธีการดูแลรักษาอย่างง่าย คือใช้แปรงนุ่ม ๆ แปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สบัดออกอย่าแปรงขณะผ้าเปียก แขวนในที่มีอากาศโปร่ง อย่าใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์ถูกแรงถูไถไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุดถ้าจะเก็บผ้าขนสัตว์ไว้ ควรซักแห้ง เก็บในถุงพลาสติคผนึกให้สนิท มอด (Moth) ชอบกินขนสัตว์มากผ้าทอขนสัตว์จะผลิตจากด้าย 2 ประเภท ทำให้คุณสมบัติและราคาต่างกันมากผ้าที่ผลิตจากด้าย woolen เรียก woolen fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางครั้งเดียว เส้นใยมีความสั้น ยาว ปนกัน ผ้าค่อนข้างหยาบ บริเวณที่ถูกน้ำหนักกดทับเช่น ศอก เข้า ก้นมักจะเป็นโป่งเป็นถุงและเรียบเป็นมันผ้าที่ผลิตจากด้าย Worsted เรียก Worsted Fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางสองครั้ง เส้นใยเล็ก ยาว ละเอียด ด้ายเข้าเกลียวแน่น ผ้าเนื้อเบา ละเอียดราคาแพง กว่า Woolen มาก
ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex)
เป็นใยยางสังเคราะห์ที่รู้จักกันในนาม Lycraดึงยืดได้ 6-7 เท่าของความยาวเดิม ต้านทานแรงดึงได้สูง
- คุณสมบัติของผ้าชนิดนี้คือ น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นได้ดี เมื่อสวมใส่แล้วสามารถยืดขยายออกได้ถึง 500% และสามารถคืนตัวกลับมาในสภาพเดิม และสามารถระบายเหงื่อได้ดีอีกด้วย
- นอกจากคุณสมบัติที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น กางเกงจักรยานที่ตัดเย็บจากผ้าสแปนเด็กซ์นี้ยังช่วยต้านแรงลมได้ดี และยังช่วยป้องกันผิวหนังจากการเสียดสีกับอานจักรยาน หรือตัวถัง (Frame) ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผ้าชนิดนี้ ยังช่วยระบายเหงื่อออกจากผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผดผื่น เมื่อสวมใส่เป็นเวลานานอีกด้วย
ผ้าไหม (silk)
เป็น เส้นใยโปรทีน ได้จากรัง (Cocoon) ของไหม ผ้ามีความมันนุ่มเป็นเงา ไม่ใคร่ยับ คงรูปร่างได้ดีเหมาะสำหรับตัดชุด ดูดความชื้นได้ดี มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิได้ดี จะรู้สึกเย็นสบายในหน้าร้อน และจะอบอุ่นในหน้าหนาว การซักผ้าไหม ถ้าจะให้คงความเงามัน คงรูปร่างควรซักแห้ง ไหมบางชนิดซักได้ด้วยมือในน้ำสบู่อย่างอ่อน (ผงซักฟอกจะทำลายความเงามันของไหม)ใช้ผ้าหมาด ๆ ปิดทับขณะรีด เผาไฟจะหดหนีไฟ พองตัว ติดไฟได้ เถ้านุ่ม
ไนลอน (Nylon)
Dr. W. H. Carothers แห่งบริษัท Du Pont อเมริกา ค้นพบเมื่อ 1930 ครั้งแรกได้เป็นเส้น ๆ นำมาทำแปรงสีฟัน ในปี ค.ศ. 1940 ผลิตเป็นถุงน่องสตรี หลังจากนั้นได้พัฒนาเป็นเสื้อผ้าและของใช้มากมายหลายชนิดเส้นใยมีความเหนียว แข็งแรงทนทานมาก ยืดหยุ่นง่าย เมื่อถูกไฟจะละลาย ไม่ใคร่ไหม้ ออกจากไฟจะดับ เถ้าเป็นก้อนแข็งบีบไม่แตก
ผ้าทอ (woven fabrics)
เป็น ผ้าที่เกิดจากกระบวนการทอโดยใช้เครื่องทอ (weaving loom) โดยมีเส้นยืน (warp yarn) และเส้นพุ่ง (filling or weft yarn) ที่ทอขัดในแนวตั้งฉากกัน และจุดที่เส้นทั้งสองสอดประสานกัน (interlacing) จะเป็นจุดที่เส้นด้ายเปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหนึ่งของผ้าไปด้านตรงข้าม การทอในปัจจุบันมีการพัฒนา จากการทอด้วยมือ (hand looms) ไปเป็นการใช้เครื่องจักรในการทอ โดยใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ แตกต่างกัน เช่น Air-jet loom, Rapier loom, Water-jet loom, Projectile loom, Double-width loom, Multiple-shed loom, Circular loom, Triaxial loom
ผ้าถัก (knitted fabrics)
เป็น ผ้าที่เกิดจากการใช้เข็ม (needles) ถักเพื่อให้เกิดเป็นห่วงของด้ายที่มีการสอดขัดกัน (interlocking loops) โดยจะมีเส้นที่อยู่แนวตั้ง (Wales) และเส้นที่อยู่ในแนวนอน (courses)
ผ้าลินิน (linen)
ทำ จากต้น flax สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าที่มีเนื้อบางมาก ๆ จนถึงผ้าเนื้อหนามาก เป็นเส้นใยธรรมชาติที่แข็งแรงที่สุด ใช้จนผ้าสึกบางจึงขาด ผ้ามีความเงามัน ผิวเรียบแข็ง ดูดซับน้ำได้ดีคุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
- ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก ควรตกแต่งกันยับ
- ซักด้วยผงซักฟอก รีดขณะชื้นที่อุณหภูมิสูง
- ถ้าเก็บผ้าลินินไว้นาน ๆ ต้องม้วนใส่แกนเก็บไว้ เพราะถ้าพับรอยพับจะหัก
เนื้อผ้าสำหรับตัดเสื้อโปโลและเสื้อยืด ที่นิยมใช้ มี 3 ชนิด คือ
1. Cotton 100%(ผ้าฝ้าย)
เป็นเส้นใยธรรมชาติ 100% ผลิตจากฝ้ายสวมใส่สบายอากาศได้ดีซับเหงื่อได้ดีเยี่ยมเนื้อผ้าจะมีลักษณะ
ด้าน แต่ก็มีข้อเสียอยู่เหมือนกัน คือมันจะยับง่าย เมื่อซักบ่อยๆ ก็จะย้วย
ข้อดี
ความยืดหยุ่น สูงมาก สวยงามสวมใส่สบาย
เนื้อนุ่ม ไม่ร้อน ผ้านุ่มเนียนสวย
ซับเหงื่อและระบายอากาศได้ดี สามารถซับเหงื่อได้ดีเยี่ยม
ข้อเสีย
ผ้าจะหดตัว เมื่อผ่านการซักครั้งแรก
เมื่อซักบ่อยๆจะย้วย และหด ยืด ไม่อยู่ทรง ยับง่าย ดูแลรักษาลำบาก สีซีดเก่าเร็ว
มีราคาสูงกว่าผ้าชนิดอื่น ราคาขึ้นอยู่กับคุณภาพผ้าและร้านขาย
ส่วนใหญ่ จะเหมาะกับผู้ที่ต้องการใช้ในที่กลางแจ้งและโดนแดดบ่อยๆ เพราะผ้าจะระบายอากาศได้ดี ไม่ค่อยอมเหงื่อ หรือต้องการความหรูหราใส่สบายแต่ราคาอาจจะสูงซักนิดนึง
ประเภทเส้นใยของ Cotton สามารถแบ่งตามลักษณะ ได้ดังนี้
1.1 Cotton OE เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด ลักษณะของผ้าจะมีความกระด้างมากว่าผ้า Cotton Semi และ ผ้า Cotton Comb
1.2 Cotton Semi เป็นผ้า Cotton เกรดปานกลาง ผ้าจะมีความเนียน ณ ระดับหนึ่ง ไม่กระด้าง ราคาไม่สูง และคุณภาพค่อนข้างใช้ได้
1.3 Cotton Comb เป็นผ้า Cotton เกรดดีที่สุด ลักษณะของผ้าจะมีความเนียนและเงามาก และราคาจะสูงกว่าผ้า Cotton ชนิดอื่นๆ
เส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า Cotton มีดังนี้
Cotton No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ผ้าที่ทอได้จึงหนาพอสมควร
Cotton No.32 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็ก ผ้าที่ทอได้จะเนียนและบาง Cotton No.40 เส้นด้ายมีขนาดเล็กที่สุด ผ้าที่ทอจึงเนียนมาก และบางมาก จึงต้องทอเป็นเส้นคู่ และราคาจะค่อนข้างสูง
2. CVC
ผ้าชนิดนี้มีส่วนผสมเหมือนเนื้อผ้า TC เพียงแค่มีส่วนของ Cotton เพิ่มขึ้นอีกเล็กน้อย
ข้อดี คือ สวยงาม สวมใส่สบาย ไม่ร้อน ซับเหงื่อ ระบายอากาศได้ดี และอยู่ตัวกว่า Cotton 100%
ข้อเสีย คือ จะคล้ายผ้า Cotton เพียงแค่จะหดย้วยน้อยกว่าเท่านั้น และราคาก็สูงกว่า TC
เป็นผ้าที่ไม่ค่อยนิยมใช้งานกันมากนักในตลาดทั่วไป
3. TC (Cotton ผสม Polyester) Cotton65%+Poly35%
เป็นเส้นใยผสมระหว่าง Cotton และ Polyester ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู (ทอแบบ juti รูจะเป็นรูปรังผึ้ง) เนื่องจากผ้าประเภท TC และ TK มีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้าชนิดนี้จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยในการระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่ เนื้อผ้า TC จะมีลักษณะมัน (น้อยกว่า TK)ราคาของผ้าขึ้นอยู่กับสีที่เลือก
ข้อดี
สวมใส่สบาย ระบายอากาศดีพอใช้
การดูดซับน้ำดีพอใช้ ดูแลรักษาง่าย
อายุการใช้งานใกล้เคียงกับเนื้อผ้า Cotton 100% และใช้งานได้นานกว่าเนื้อผ้า TK
ไม่หดย้วย หรือเสียทรงเมื่อมีการซัก หรือ แช่น้ำ หลังจากการใช้งาน
ราคาย่อมเยา
ข้อเสีย
ผ้ามีการย้วยบ้างเมื่อผ่านการซัก
เนื้อผ้าจะไม่เนียนสวยเท่า Cotton
ราคาขึ้นอยู่กับสีผ้า
เหมาะกับคนที่เหงื่อออกง่ายแม้ทำงานอยู่ในห้องแอร์ เพราะระบายอากาศได้ดีพอสมควรและข้อดีที่โดดเด่นกว่า
Cotton 100% คือ อยู่ทรง ไม่หดไม่ย้วย (ส่วน Cotton จะคุม % ความหดและย้วยลำบาก)
นิยมทำเป็นเสื้อฟอร์มพนักงาน เพราะราคาปานกลาง ระยะเวลาการใช้งานเหมาะสม
เส้นด้าย ที่นิยมนำมาทอผ้า TC มีดังนี้
TC No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ TC No.34 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็กมาก ใช้ทอผ้าจูติ จึงต้องทอเป็นเส้นคู่
4. TK (Polyester หรือใยสังเคราะห์)
เป็นเส้นใยสังเคราะห์ผลิตจาก Polyester ผ้าใยสังเคราะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่า TK เนื้อผ้าจะมีลักษณะมันมากกว่า TC คุณสมบัติทั่วๆไป คือ ผ้าจะไม่ค่อยยับ อยู่ทรง ไม่ย้วย สีไม่ตก แต่ข้อเสียก็คือเสื้อที่ทำจากผ้า TK ใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากระบายอากาศไม่ดีผ้า TK จึงนิยมทอ ให้มีลักษณะเป็นรูเช่นกัน ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามท้องตลาด
ข้อดี
ราคาที่ถูกกว่าเนื้อผ้าอื่นๆ ทำให้ประหยัดงบประมาณ
ผ้าทนทาน อยู่ตัว ไม่หดไม่ย้วย หรือเสียทรงเมื่อมีการซัก หรือแช่น้ำหลังจากการใช้งาน
หาซื้อง่ายตามท้องตลาด
ข้อเสีย
ผ้าจะเป็นเม็ดเมื่อผ่านการซัก
เนื้อผ้ากระด้าง ระบายอากาศไม่ดี
ไม่ดูดซับน้ำ ซับเหงื่อ เวลาใส่ในที่อากาศร้อน
เหมาะที่จะใช้ในห้องแอร์ ไม่ค่อยโดนแดด
****ข้อแนะนำการซักและการดูแลรักษาเสื้อยืดให้อยู่กับเรานานๆ
1. ให้แยกซักระหว่างผ้าขาวกับผ้าสี แนะนำให้ซักมือจะดีกว่า
2. ผงซักฟอกให้เลือกที่ไม่รุนแรง และ ถนอมใยผ้าครับ
3. ไม่ควรตากโดยใช้ไม้แขวนเสื้อ ให้กลับด้านแล้วพาดเสื้อกับที่ราวตากผ้า
4. เมื่อเสื้อแห้งถ้าไม่จำเป็นไม่ควรใช้ไม้แขวนเสื้อนะครับ ควรผับเก็บจะดีที่สุดครับ
เส้นด้ายที่นิยมนำมาทอผ้า TK มีดังนี้
TK No.17 เส้นด้ายจะมีขนาดใหญ่สุด ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
TK No.20 เส้นด้ายจะมีขนาดเล็กกว่า TK No.17 ใช้ทอได้ทั้งผ้าเรียบและผ้าจูติ
ลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า
ก่อนที่เราจะแนะนำให้ทุกท่านรู้จัก กับ ลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า เราขออธิบายถึงวิธีการได้มาของผ้า กันก่อนว่ามีขบวนการอย่างไร และต้องใช้วัตถุดิบใดบ้าง เพื่อนำมาใช้ในการผลิตผ้า ดังนี้
จากรูปจะเห็นได้ว่า ผ้า ผลิตมาจากเส้นด้าย เส้นด้ายผลิตมาจากเส้นใย ดังนั้นลักษณะและคุณสมบัติของเนื้อผ้า จะขึ้นอยู่กับลักษณะและคุณสมบัติ ของเส้นใย และเส้นด้าย
โดยทั่วไป เส้นใย ที่นิยมนำมาผลิตเส้นด้าย คือฝ้าย และเส้นใยสังเคราะห์ โดยจะมีทั้งฝ้าย 100% เส้นใยสังเคราะห์ 100% หรือนำฝ้ายและเส้นใยสังเคราะห์มาผสมกันในอัตราส่วนต่างๆ กัน ซึ่งจะทำให้ลักษณะและคุณสมบัติของเส้นด้ายแตกต่างกันไป ซึ่งจะส่งผลต่อลักษณะและคุณสมบัติของผ้าด้วย
ลักษณะและคุณสมบัติของผ้าดังกล่าวเป็น เพียง ลักษณะโดยทั่วไปเท่านั้น เพราะในความเป็นจริงแล้ว คุณสมบัติของเส้นใยที่นำมาผลิตด้าย และผ้านั้นยังมีรายละเอียดอีกมากมาย เช่น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยสั้น ด้ายที่ผลิตจากเส้นใยยาว หรือถ้าวิเคราะห์ตามคุณสมบัติของเส้นใยที่มีผลต่อคุณสมบัติของผ้า เราอาจจะต้องพิจารณา สมบัติความเป็นมัมวาว การทิ้งตัวของผ้า เนื้อผ้า คุณสมบัติต่อผิวสัมผัส การทนต่อแรงเสียดสี ความทนต่อแรงดึง การดูดซับน้ำ เป็นต้น
จากปัจจัยที่หลากหลายดังกล่าว ส่งผลต่อต้นทุนในส่วนของราคาผ้าที่จะนำมาใช้ผลิตเสื้อ ดังนั้นก่อนที่เราจะเลือกซื้อเสื้อจากผู้ผลิตรายหนึ่งรายใด เราควรที่จะพิจารณาคุณสมบัติเหล่านี้ เปรียบเทียบกับราคาของเสื้อ รวมถึงบริการที่จะได้รับจากผู้ผลิตเสื้อก่อนเพื่อให้ได้สินค้าที่ดีที่สุดใน งบประมาณอันจำกัดของเรา
นอกจากการแบ่งประเภทของผ้าตามส่วนผสมของเส้นด้ายแล้ว เรายังสามารถแบ่งตามลายทอผ้า ได้ดังนี้
1. แบบเนื้อเรียบ ลักษณะการทอ จะละเอียดแน่น นิยมทำเป็นเสื้อคอกลม เช่น Jersey
2. แบบเนื้อลาครอส(Lacoste) หรือจูติ(Juti)
- ลาครอส (Lacoste) ลักษณะการทอเป็นรู รูปข้าวหลามตัดเล็กๆ
- จูติ (Juti) ลักษณะการทอเป็น รูปรังผึ้ง
3. แบบทอสองชั้น ลักษณะทางกายภาพ ด้านนอกจะทอแบบ Jersey ด้านในทอแบบลาครอส หรือจูติ ทำให้มีคุณสมบัติในการระบายอากาศได้ดี เช่น Dri tech
ชนิดของผ้าต่างๆ
ผ้าฝ้าย (cotton)
เป็นใยเซลลูโลสได้จากดอกของฝ้าย ผ้าที่ผลิตจากฝ้ายพันธุ์ดีเส้นใยยาว ผิวของผ้าจะเรียบเนียน และทนทาน คุณภาพของผ้าฝ้ายขึ้นอยู่กับพันธุ์ ความยาวและความเรียบของเส้นใย ใยฝ้ายเองไม่ใคร่แข็งแรงนัก แต่เมื่อนำมาทอเป็นผ้า จะได้ผ้าที่แข็งแรง ยิ่งทอเนื้อหนา-แน่นจะยิ่งแข็งแรง ทนทาน ดูดความชื้นได้ดี เหมาะสำหรับทำผ้าเช็ดตัว ผ้าเช็ดหน้า ผ้าฝ้ายเนื้อบางถึงเนื้อหนาปานกลาง ใช้เป็นชุดสวมในฤดูร้อนจะรู้สึกเย็นสบาย คุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
- ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก แต่ปัจจุบันมีการตกแต่ง (Finish) ทำให้ผ้าไม่ใคร่ยับและรีดให้เรียบได้ง่ายขึ้น
- ซักได้ด้วยผงซักฟอก ซักรีดได้ที่อุณหภูมิสูง
- แมลงไม่กินแต่จะขึ้นรา
ผ้าฝ้ายผสมกับผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/C หรือ TC
เป็น ผ้าที่มีส่วนผสมเป็นใยสังเคราะห์ และนำเนื้อฝ้ายเข้ามาผสมรวมด้วย คุณสมบัติก็จะอยู่กลางระหว่างผ้า cotton และผ้า TK ผ้าชนิดนี้นิยมทอผ้าให้มีลักษณะเป็นรู เนื่องจากผ้าประเภท TK และ TC มีสมบัติในการระบายอากาศที่ไม่ค่อยดีนัก การทอผ้า จึงนิยมทอผ้าให้มีรูเล็กๆ เพื่อช่วยระบายอากาศ และเพื่อความสบายในการสวมใส่เนื้อผ้า จะมีลักษณะความมัน (น้อยกว่า TK) ผ้าใยสังเคาะห์ หรือที่เรียกกันทั่วไปว่าผ้า T/K หรือ TK เป็นผ้าที่มีส่วนผสมหลักเป็นใยสังเคราะห์ เนื้อผ้าจะมีลักษณะมัน คุณสมบัติ ทั่วๆไป คือ ผ้า TK จะไม่ค่อยยับ อยู่ทรง ไม่ย้วย สีไม่ตก แต่ข้อเสียก็คือเสื้อที่ทำจากผ้า TK ใส่แล้วจะร้อน เนื่องจากระบายอากาศไม่ดีผ้า TK จึงนิยมทอ ให้มีลักษณะเป็นรูเช่นกัน ทนทานหาได้ง่ายและวางขายตามท้องตลาด
ผ้าโพลิเอสเตอร์ (Polyester)
เส้น ใยยาวมีลักษณะนุ่ม เงามัน เส้นใยสั้นมีลักษณะคล้ายฝ้าย และขนสัตว์ จึงเป็นเส้นใยที่ใช้เลียนแบบ และผสมกับเส้นใยอื่นได้ดี ใช้มากในวงการอุตสาหกรรมเสื้อผ้า ดูดความชื้นได้น้อย น้ำหนักเบา ไม่ใคร่ยับ รีดจับจีบถาวรได้ มักผลิตเป็นผ้าประเภท Wash and Wear คือ รีดเพียงเล็กน้อย หรือไม่จำเป็นต้องรีด ปัญหาที่พบคือ ถ้าผลิตจากใยสั้นใช้ไปแล้วจะเป็นขุย เมื่อเผาจะละลายเป็นยางสีดำ ถ้าเผาจนสิ้นสุดเถ้าบางส่วนจะกรอบ
ผ้าขนสัตว์ (wool)
ผลิต จากขนสัตว์หลายชนิด เช่น แกะ แพะ อูฐ และกระต่าย แต่ที่ผลิตมากที่สุดได้แก่ขนแกะ ขนสัตว์จะให้ความอบอุ่นเพราะไม่นำความร้อน ดูดความชื้นได้ดีจึงสามารถถ่ายเทความชื้นจากร่างกาย หรือบรรยากาศทำให้ไม่เหนะหนะเวลาสวมใส่ เมื่อถูกความร้อนและชื้น ผ้าขนสัตว์จะเชื่อมติดกันเป็นแผ่น หดทุกครั้งเมื่อเปียก (Progressive Shrinkage) จึงไม่แนะนำให้ซักรีดเอง ควรส่งร้านที่มีความชำนาญในการซักรีดผ้าขนสัตว์ เว้นเสียจากจะมีป้ายที่ติดมากับเสื้อบอกไว้ว่า ซักรีดได้ (Washable) ผ้าขนสัตว์บางชนิดจะตกแต่งกันหด (Shrinkage Control) และป้องกันไม่ให้เชื่อมติดกันเมื่อซักรีด วิธีการดูแลรักษาอย่างง่าย คือใช้แปรงนุ่ม ๆ แปรงฝุ่นออกทุกครั้งหลังการใช้ ถ้าถูกน้ำให้สบัดออกอย่าแปรงขณะผ้าเปียก แขวนในที่มีอากาศโปร่ง อย่าใช้เสื้อผ้าชุดเดียวติดต่อกันหลายวัน เพราะเมื่อขนสัตว์ถูกแรงถูไถไปมานาน ๆ จะแข็งเป็นมัน บางชนิดขนจะหลุดถ้าจะเก็บผ้าขนสัตว์ไว้ ควรซักแห้ง เก็บในถุงพลาสติคผนึกให้สนิท มอด (Moth) ชอบกินขนสัตว์มากผ้าทอขนสัตว์จะผลิตจากด้าย 2 ประเภท ทำให้คุณสมบัติและราคาต่างกันมากผ้าที่ผลิตจากด้าย woolen เรียก woolen fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางครั้งเดียว เส้นใยมีความสั้น ยาว ปนกัน ผ้าค่อนข้างหยาบ บริเวณที่ถูกน้ำหนักกดทับเช่น ศอก เข้า ก้นมักจะเป็นโป่งเป็นถุงและเรียบเป็นมันผ้าที่ผลิตจากด้าย Worsted เรียก Worsted Fabric ทำจากเส้นใยที่ผ่านการสางสองครั้ง เส้นใยเล็ก ยาว ละเอียด ด้ายเข้าเกลียวแน่น ผ้าเนื้อเบา ละเอียดราคาแพง กว่า Woolen มาก
ผ้าสแปนเด็กซ์ (Spandex)
เป็นใยยางสังเคราะห์ที่รู้จักกันในนาม Lycraดึงยืดได้ 6-7 เท่าของความยาวเดิม ต้านทานแรงดึงได้สูง
- คุณสมบัติของผ้าชนิดนี้คือ น้ำหนักเบา มีความยืดหยุ่นได้ดี เมื่อสวมใส่แล้วสามารถยืดขยายออกได้ถึง 500% และสามารถคืนตัวกลับมาในสภาพเดิม และสามารถระบายเหงื่อได้ดีอีกด้วย
- นอกจากคุณสมบัติที่ได้กล่าวมาแล้วข้างต้น กางเกงจักรยานที่ตัดเย็บจากผ้าสแปนเด็กซ์นี้ยังช่วยต้านแรงลมได้ดี และยังช่วยป้องกันผิวหนังจากการเสียดสีกับอานจักรยาน หรือตัวถัง (Frame) ได้อีกด้วย ยิ่งไปกว่านั้น ผ้าชนิดนี้ ยังช่วยระบายเหงื่อออกจากผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว ซึ่งจะไม่ทำให้เกิดการระคายเคืองหรือผดผื่น เมื่อสวมใส่เป็นเวลานานอีกด้วย
ผ้าไหม (silk)
เป็น เส้นใยโปรทีน ได้จากรัง (Cocoon) ของไหม ผ้ามีความมันนุ่มเป็นเงา ไม่ใคร่ยับ คงรูปร่างได้ดีเหมาะสำหรับตัดชุด ดูดความชื้นได้ดี มีคุณสมบัติพิเศษคือ สามารถปรับตัวให้เข้ากับอุณหภูมิได้ดี จะรู้สึกเย็นสบายในหน้าร้อน และจะอบอุ่นในหน้าหนาว การซักผ้าไหม ถ้าจะให้คงความเงามัน คงรูปร่างควรซักแห้ง ไหมบางชนิดซักได้ด้วยมือในน้ำสบู่อย่างอ่อน (ผงซักฟอกจะทำลายความเงามันของไหม)ใช้ผ้าหมาด ๆ ปิดทับขณะรีด เผาไฟจะหดหนีไฟ พองตัว ติดไฟได้ เถ้านุ่ม
ไนลอน (Nylon)
Dr. W. H. Carothers แห่งบริษัท Du Pont อเมริกา ค้นพบเมื่อ 1930 ครั้งแรกได้เป็นเส้น ๆ นำมาทำแปรงสีฟัน ในปี ค.ศ. 1940 ผลิตเป็นถุงน่องสตรี หลังจากนั้นได้พัฒนาเป็นเสื้อผ้าและของใช้มากมายหลายชนิดเส้นใยมีความเหนียว แข็งแรงทนทานมาก ยืดหยุ่นง่าย เมื่อถูกไฟจะละลาย ไม่ใคร่ไหม้ ออกจากไฟจะดับ เถ้าเป็นก้อนแข็งบีบไม่แตก
ผ้าทอ (woven fabrics)
เป็น ผ้าที่เกิดจากกระบวนการทอโดยใช้เครื่องทอ (weaving loom) โดยมีเส้นยืน (warp yarn) และเส้นพุ่ง (filling or weft yarn) ที่ทอขัดในแนวตั้งฉากกัน และจุดที่เส้นทั้งสองสอดประสานกัน (interlacing) จะเป็นจุดที่เส้นด้ายเปลี่ยนตำแหน่งจากด้านหนึ่งของผ้าไปด้านตรงข้าม การทอในปัจจุบันมีการพัฒนา จากการทอด้วยมือ (hand looms) ไปเป็นการใช้เครื่องจักรในการทอ โดยใช้เทคนิคหลากหลายรูปแบบ แตกต่างกัน เช่น Air-jet loom, Rapier loom, Water-jet loom, Projectile loom, Double-width loom, Multiple-shed loom, Circular loom, Triaxial loom
ผ้าถัก (knitted fabrics)
เป็น ผ้าที่เกิดจากการใช้เข็ม (needles) ถักเพื่อให้เกิดเป็นห่วงของด้ายที่มีการสอดขัดกัน (interlocking loops) โดยจะมีเส้นที่อยู่แนวตั้ง (Wales) และเส้นที่อยู่ในแนวนอน (courses)
ผ้าลินิน (linen)
ทำ จากต้น flax สามารถนำมาผลิตเป็นผ้าที่มีเนื้อบางมาก ๆ จนถึงผ้าเนื้อหนามาก เป็นเส้นใยธรรมชาติที่แข็งแรงที่สุด ใช้จนผ้าสึกบางจึงขาด ผ้ามีความเงามัน ผิวเรียบแข็ง ดูดซับน้ำได้ดีคุณลักษณะเด่นของผ้าฝ้ายคือ
- ยับง่าย รีดให้เรียบได้ยาก ควรตกแต่งกันยับ
- ซักด้วยผงซักฟอก รีดขณะชื้นที่อุณหภูมิสูง
- ถ้าเก็บผ้าลินินไว้นาน ๆ ต้องม้วนใส่แกนเก็บไว้ เพราะถ้าพับรอยพับจะหัก
วันศุกร์ที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
เกล็ดความรู้ดีๆที่มีประโยชน์ต่อคุณลูกค้าที่ชื่นชอบการเลือกซื้อเสื้อ
วันนี้ทางร้าน Casual Original Shop ของเรามีเกล็ดความรู้ดีๆที่มีประโยชน์ต่อคุณลูกค้าที่ชื่นชอบการเลือกซื้อเสื้อ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อยืด เสื้อโปโล ค่ะ
เราจะมาแนะนำให้คุณลูกค้าได้รู้จักชนิดของผ้าที่นำมาตัดเป็นเสื้อที่ขายกันตามท้องตลาดค่ะ ซึ่งผ้าที่นำมาใช้ตัดเป็นเสื้อผ้านั้นก็แบ่งเป็นหลายชนิด
แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปนะค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าผ้าแบ่งออกใหญ่ๆได้กี่ชนิดนะค่ะ
ผ้าที่ผลิตขึ้นมาใช้บนโลกใบนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดค่ะ ได้แก่
1. ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ (Natural fiber) คือผ้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น พืช สัตว์ หรือแม้กระทั่ง ใยหิน ก็สามารถ
นำมาผลิตเป็นผ้าที่ใช้ประโยชน์ได้นะค่ะ
1.1 ผ้าที่ผลิตจากพืช เช่น ฝ้าย นุ่น ปอ เป็นต้นค่ะ
1.2 ผ้าที่ผลิตจากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ ไหม (ผ้าไหม) เป็นต้นค่ะ
2. ผ้าที่ได้จากเส้นใยที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ (Man-made fiber) คือผ้าที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยการสังเคราะห์ขึ้นจาก
โพลีเอสเตอร์ เป็นต้น
สำหรับผ้ที่นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อยืดและขายตามท้องตลาดในบ้านเราก็เป็นผ้าที่ผลิตจากฝ้ายหรือผ้า Cotton 100%, ผ้าที่ได้จากเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์, และผ้าที่เกิดจากการ
ทอผสมกันระหว่างผ้าฝ้ายและโพลีเอสเตอร์นะค่ะ
ผ้า Cotton 100%
ลักษณะของผ้า cotton คือ นุ่ม ไม่กระด้าง ซับเหงื่อได้ดี ไม่อมเหงื่อ ระบายอากาศได้ดีเยี่ยมค่ะ รวมถึงเมื่อนำไปสกรีนจะสามารถลงสีได้หลายสีค่ะ แต่ก็มีข้อเสียเล็กน้อยก็คือ
เมื่อซักไปได้สักหน่อยจะเริ่มหดตัว ย้วยเล็กน้อยน่ะค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็มีการพัฒนาจนปัญหานี้เริ่มหมดไปแล้วแหละค่ะ
ตามท้องตลาดจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าเรียกผ้าชนิดนี้เป็นเบอร์ อย่างเช่น เบอร์ 20, 32 และ 40 ก็ขอให้เข้าใจเลยนะค่ะว่ายิ่งเบอร์น้อย เส้นด้ายที่นำมาทอก็จะเป็นเส้นด้ายที่มีขนาดใหญ่
กว่าผ้าที่มีเบอร์มากค่ะ เมื่อนำไปตัดเสื้อผ้าเบอร์น้อยกว่าก็จะได้เสื้อที่มีขนาดหนากว่าและคุณภาพก็ด้อยกว่าผ้าที่มีเบอร์มากด้วยนะค่ะ ผ้าเบอร์ 20 นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อยืด เสื้อโปโล
สำหรับผู้ชาย ส่วนผ้าเบอร์ 32 ราคาจะสูงขึ้น นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงค่ะ สำหรับผ้าเบอร์ 40 จะไม่ค่อยมีมากนักนะค่ะ เพราะราคาสูงมากค่ะ
ผ้าชนิดนี้นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าสำหรับเด็กค่ะ
ผ้าที่ได้จากเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ (ผ้า TK)
เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 100% ค่ะ เนื้อผ้าจะค่อนข้างอยู่ทรง ไม่ค่อยยับ ลักษณะค่อนข้างมันวาว สีไม่ตก การดูดซับน้ำไม่ค่อยดีนัก รวมถึงการระบายอากาศก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน
ผ้าชนิดนี้เมื่อใส่ไปนานๆ จะเริ่มมีปุ่มขึ้นมาบนเนื้อผ้า แต่จุดเด่นของผ้าชนิดนี้คือ ราคาค่อนข้างถูกค่ะ
ผ้าทอผสมระหว่าง Cotton และ เส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ (ผ้า TC, CVC และ CTC)
ตามชื่อเลยค่ะ ผ้าชนิดนี้เกิดจากการทอผสมกันระหว่าง Cotton กับ เส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันซึ่งก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันดังนี้ค่ะ
ผ้า TC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วน 65 : 35 คุณสมบัติ ไม่ยืด ไม่ย้วย ทนทานต่อการซักได้ดีค่ะ
ผ้า CVC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนประมาณ 80 : 20 คุณสมบัติคล้าย Cotton 100% แต่ยืดน้อยกว่า หดน้อยกว่า ซับเหงื่อได้ดีค่ะ
ผ้า CTC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนประมาณ 70 : 30 คุณสมบัติอยู่ระหว่าง ผ้า TC กับ ผ้า CVC ค่ะ
ตอนนี้คุณลูกค้าก็คงจะพอเข้าใจคร่าวๆแล้วนะค่ะว่า ผ้ามีแบบไหนบ้างและคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร ลองๆไปเดินดูตามท้องตลาดเพื่อเปรียบเทียบกันอีกทีนะค่ะ
เราจะมาแนะนำให้คุณลูกค้าได้รู้จักชนิดของผ้าที่นำมาตัดเป็นเสื้อที่ขายกันตามท้องตลาดค่ะ ซึ่งผ้าที่นำมาใช้ตัดเป็นเสื้อผ้านั้นก็แบ่งเป็นหลายชนิด
แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติแตกต่างกันออกไปนะค่ะ
ก่อนอื่นเรามาทำความรู้จักกันก่อนว่าผ้าแบ่งออกใหญ่ๆได้กี่ชนิดนะค่ะ
ผ้าที่ผลิตขึ้นมาใช้บนโลกใบนี้แบ่งออกเป็น 2 ชนิดค่ะ ได้แก่
1. ผ้าที่ผลิตจากเส้นใยธรรมชาติ (Natural fiber) คือผ้าที่ผลิตจากวัตถุดิบที่ได้จากธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น พืช สัตว์ หรือแม้กระทั่ง ใยหิน ก็สามารถ
นำมาผลิตเป็นผ้าที่ใช้ประโยชน์ได้นะค่ะ
1.1 ผ้าที่ผลิตจากพืช เช่น ฝ้าย นุ่น ปอ เป็นต้นค่ะ
1.2 ผ้าที่ผลิตจากสัตว์ เช่น ขนสัตว์ ไหม (ผ้าไหม) เป็นต้นค่ะ
2. ผ้าที่ได้จากเส้นใยที่สร้างขึ้นโดยมนุษย์ (Man-made fiber) คือผ้าที่มนุษย์สร้างขึ้น เช่น ผ้าจากเส้นใยสังเคราะห์ โดยการสังเคราะห์ขึ้นจาก
โพลีเอสเตอร์ เป็นต้น
สำหรับผ้ที่นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อยืดและขายตามท้องตลาดในบ้านเราก็เป็นผ้าที่ผลิตจากฝ้ายหรือผ้า Cotton 100%, ผ้าที่ได้จากเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์, และผ้าที่เกิดจากการ
ทอผสมกันระหว่างผ้าฝ้ายและโพลีเอสเตอร์นะค่ะ
ผ้า Cotton 100%
ลักษณะของผ้า cotton คือ นุ่ม ไม่กระด้าง ซับเหงื่อได้ดี ไม่อมเหงื่อ ระบายอากาศได้ดีเยี่ยมค่ะ รวมถึงเมื่อนำไปสกรีนจะสามารถลงสีได้หลายสีค่ะ แต่ก็มีข้อเสียเล็กน้อยก็คือ
เมื่อซักไปได้สักหน่อยจะเริ่มหดตัว ย้วยเล็กน้อยน่ะค่ะ แต่ทุกวันนี้ก็มีการพัฒนาจนปัญหานี้เริ่มหมดไปแล้วแหละค่ะ
ตามท้องตลาดจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าเรียกผ้าชนิดนี้เป็นเบอร์ อย่างเช่น เบอร์ 20, 32 และ 40 ก็ขอให้เข้าใจเลยนะค่ะว่ายิ่งเบอร์น้อย เส้นด้ายที่นำมาทอก็จะเป็นเส้นด้ายที่มีขนาดใหญ่
กว่าผ้าที่มีเบอร์มากค่ะ เมื่อนำไปตัดเสื้อผ้าเบอร์น้อยกว่าก็จะได้เสื้อที่มีขนาดหนากว่าและคุณภาพก็ด้อยกว่าผ้าที่มีเบอร์มากด้วยนะค่ะ ผ้าเบอร์ 20 นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อยืด เสื้อโปโล
สำหรับผู้ชาย ส่วนผ้าเบอร์ 32 ราคาจะสูงขึ้น นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าผู้หญิงค่ะ สำหรับผ้าเบอร์ 40 จะไม่ค่อยมีมากนักนะค่ะ เพราะราคาสูงมากค่ะ
ผ้าชนิดนี้นิยมนำมาตัดเป็นเสื้อผ้าสำหรับเด็กค่ะ
ผ้าที่ได้จากเส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ (ผ้า TK)
เป็นผ้าที่ผลิตจากเส้นใยโพลีเอสเตอร์ 100% ค่ะ เนื้อผ้าจะค่อนข้างอยู่ทรง ไม่ค่อยยับ ลักษณะค่อนข้างมันวาว สีไม่ตก การดูดซับน้ำไม่ค่อยดีนัก รวมถึงการระบายอากาศก็ไม่ค่อยดีเช่นกัน
ผ้าชนิดนี้เมื่อใส่ไปนานๆ จะเริ่มมีปุ่มขึ้นมาบนเนื้อผ้า แต่จุดเด่นของผ้าชนิดนี้คือ ราคาค่อนข้างถูกค่ะ
ผ้าทอผสมระหว่าง Cotton และ เส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ (ผ้า TC, CVC และ CTC)
ตามชื่อเลยค่ะ ผ้าชนิดนี้เกิดจากการทอผสมกันระหว่าง Cotton กับ เส้นใยสังเคราะห์โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนที่แตกต่างกันซึ่งก็จะมีคุณสมบัติที่แตกต่างกันดังนี้ค่ะ
ผ้า TC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วน 65 : 35 คุณสมบัติ ไม่ยืด ไม่ย้วย ทนทานต่อการซักได้ดีค่ะ
ผ้า CVC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนประมาณ 80 : 20 คุณสมบัติคล้าย Cotton 100% แต่ยืดน้อยกว่า หดน้อยกว่า ซับเหงื่อได้ดีค่ะ
ผ้า CTC เป็นการผสมกันระหว่าง cotton และ โพลีเอสเตอร์ ในอัตราส่วนประมาณ 70 : 30 คุณสมบัติอยู่ระหว่าง ผ้า TC กับ ผ้า CVC ค่ะ
ตอนนี้คุณลูกค้าก็คงจะพอเข้าใจคร่าวๆแล้วนะค่ะว่า ผ้ามีแบบไหนบ้างและคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างไร ลองๆไปเดินดูตามท้องตลาดเพื่อเปรียบเทียบกันอีกทีนะค่ะ
ขอบคุณข้อมูลดีๆจาก http://www.doodeetshirt.com/
การแบ่งเกรดเสื้อที่ผลิตจากผ้า Cotton 100%
เสื้อยืดที่ผลิตจากผ้า Cotton 100 % แบ่งเกรดอย่างไร
ผ้าฝ้าย หรือ cotton 100% ที่นำมาผลิตเสื้อยืดสามารถแบ่งตามเบอร์เส้นด้าย โดยทั่วไปได้ 3 เบอร์ คือ 20,32,40 ตามลำดับ สำหรับเบอร์เส้นด้ายที่สูงเกิน 40 ขึ้นไปจะพบเห็นได้ไม่มากนักในท้องตลาด ส่วนใหญ่จะเป็นผ้าที่ต้องสั่งทอขึ้นโดยเฉพาะตามเบอร์ที่ต้องการ เนื่องจากกระบวนการในการผลิต(ปั่นเส้นด้าย)ให้เส้นด้ายมีขนาดเล็กต้องอาศัยเครื่องจักรและการผลิตที่ยุ่งยากซับซ้อน จึงมีต้นทุนที่สูงในการผลิต เมื่อนำมาผลิตเสื้อยืดก็จะมีต้นทุนสูงตามไปด้วย ถ้าเบอร์น้อยจะใช้ด้ายเส้นใหญ่ เบอร์ มากใช้ด้ายเส้นเล็ก เช่นผ้า Cotton 100 % เบอร์ 20 เนื้อผ้าจะมีความหนามากกว่าเบอร์ 32 เนื่องจากขนาดเส้นด้ายที่ใหญ่กว่า โดยทั่วไปผ้า Cotton ที่นิยมนำมาใช้ทำเสื้อยืดและเสื้อโปโล ในราคาระดับปานกลางถึงสูงคือผ้า Cotton 100% เบอร์ 20 (เสื้อยืดสำหรับผู้ชาย) และ 32(เสื้อยืดสำหรับผู้หญิง) ส่วนเบอร์ 40 มักจะนำมาทำเสื้อสำหรับเด็กอ่อน หรือเสื้อที่เน้นความบางเป็นพิเศษ และเสื้อยืดแบรนเนมส์บางรุ่นเบอร์ที่สูงกว่า 40 จะเป็นเสื้อยืดที่ต้องสั่งทอผ้าขึ้นเป็นพิเศษ
กระบวนการผลิตเส้นด้าย เป็นตัวบ่งบอกถึงคุณภาพของเนื้อผ้า เพื่อให้ได้เส้นใยที่มีคุณภาพทั้งในด้านการเรียงตัวของด้ายที่มีความหนาแน่นสม่ำเสมอและกำจัดสิ่งสกปรกแปลกปลอมออกจากเส้นใยเพื่อให้ได้เส้นด้ายที่มีคุณสมบัติที่ดีเมื่อไปทอเป็นผ้าผืน ทำให้สามารถแบ่งเกรดผ้าฝ้ายที่ผ่านกระบวนการผลิตได้ 3 เกรดคือ
*Cotton OE ไม่ผ่านกระบวนการคัีดคุณภาพของเส้นใยฝ้าย เสื้อยืดที่ผลิตจาก cotton ชนิดนี้จะมีความกระด้างกว่าอีกสองประเภทรวมถึงความเหนียวทนต่ำขาดง่าย เป็นผ้า Cotton เกรดต่ำสุด และมีราคาถูกสุด เนื่องจากต้นทุนในการใช้เครื่องจักรและกระบวนการในการผลิตจากเส้นใยฝ้ายเป็นเส้นด้ายมีต้นทุนต่ำที่สุด
**Cotton Semi ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการสางเส้นใยฝ้ายโดยครื่องจักรทำให้ได้ผลผลิตเป็น เส้นด้ายใยสั้น ที่มีขนาดใหญ่ (เบอร์ 20 - 32) และมีความเนียนนุ่มและกระด้างในระดับปานกลาง
***Cotton Comp ผ่านกระบวนผลิตเส้นด้ายโดยวิธีการหวีเส้นใยด้วยเครื่องจักร ซึ่งมีกระบวนที่ซับซ้อนและละเอียดอ่อนกว่าแบบการสาง ทำให้ได้ผลผลิตเป็น เส้นด้ายที่มีขนาดเล็ก (เบอร์ 32 ขึ้นไป) และสามารถขจัดสิ่งสกปรกออกจากเส้นใยได้ในเปอร์เซ็นที่มากกว่า รวมถึงได้เส้นด้ายที่มีเส้นใยที่ยาวกว่า เมื่อนำมาทอเป็นผ้าผืนจึงเป็นผ้า cotton ที่เนื้อดีมีความนุ่ม และ่กระด้างในระดับต่ำ เหนียวทน ขาดยาก มีความมัน
ขอบคุณข้อมูลดีๆจากเว็บไซส์ www.pandascreen.com
วันจันทร์ที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2555
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)